องค์ประกอบพื้นฐานของโปรแกรมภาษาไพธอน (python)
» การเขียนคำสั่ง
» การเขียนหมายเหตุ
» เครื่องหมายดำเนินการ บวก ลบ คูณ หาร ยกกำลัง
» ตัวแปรลีสต์
» การเข้าถึงสมาชิกภายในตัวแปรลีสต์
» การเข้าถึงสมาชิกภายในลีสต์แบบระบุช่วงที่ต้องการ
» การเรียงลำดับจากน้อยไปมากด้วยคำสั่ง sort()
» การกำจัดข้อมูลในตัวแปรลีสต์ที่ซ้ำกันทิ้งไป
» การหาค่าสูงสุดและต่ำสุดในตัวแปรลีสต์
» การหาจำนวนสมาชิกภายในตัวแปรลีสต์
» การนับจำนวนข้อมูลในตัวแปรลีสต์
» การคำนวณผลรวมภายในตัวแปรลีสต์
» การคำนวณค่าเฉลี่ยของตัวแปรลีสต์
» การรับค่าจากคีย์บอร์ด
» การพล็อตกราฟค่าตัวเลขภายในตัวแปรลีสต์
» กิจกรรม 1 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณพื้นที่สี่เหลี่ยมโดยรับค่าความกว้างและความสูงจากผู้ใช้และแสดงผลลัพธ์พื้นที่สี่เหลี่ยม
» กิจกรรม 2 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณพื้นที่สามเหลี่ยมโดยรับค่าความกว้างและความสูงจากผู้ใช้จากนั้นแสดงผลลัพธ์พื้นที่สามเหลี่ยม
» กิจกรรม 3 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณพื้นที่วงกลมโดยรับค่ารัศมีจากผู้ใช้จากนั้นแสดงผลลัพธ์พื้นที่วงกลม
» กิจกรรม 4 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณพื้นที่หลายเหลี่ยมด้านเท่าโดยรับค่าจำนวนด้านจากผู้ใช้และแสดงผลลัพธ์พื้นที่หลายเหลี่ยม
» กิจกรรม 5 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณปริมาตรทรงกระบอกโดยรับค่ารัศมีและความสูงจากผู้ใช้ จากนั้นแสดงผลลัพธ์
» กิจกรรมที่ 6 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณปริมาตรกรวยโดยรับค่าความสูงและรัศมี จากนั้นแสดงผลลัพธ์
» กิจกรรมที่ 7 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณปริมาตรทรงรี โดยรับค่าความยาวแกน x y และ z จากนั้นแสดงผลลัพธ์ปริมาตรทรงรี
» กิจกรรมที่ 8 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณค่าเฉลี่ยโดยกำหนดค่าข้อมูลอย่างน้อยมีสมาชิกมากกว่า 5 ตัว จากนั้นแสดงผลลัพธ์ค่าเฉลี่ย
» กิจกรรมที่ 9 : ให้นิสิตกำหนดค่าตัวแปรลีสต์โดยมีสมาชิกอย่างน้อย 20 ตัว จากนั้นเขียนโปรแกรมเพื่อเรียงข้อมูลจากน้อยไปหามากและแสดงผลลัพธ์
» กิจกรรมที่ 10 : ให้นิสิตใช้ข้อมูลจากกิจกรรม 9 จากนั้นเขียนโปรแกรมเพื่อเรียงลำดับจากมากไปน้อยและแสดงผลลัพธ์
» กิจกรรมที่ 11 : ให้นิสิตใช้ข้อมูลจากกิจกรรม 9 โดยให้ลบสมาชิกตำแหน่งที่ 0 และตำแหน่งสุดท้ายทิ้งไป จากนั้นพิมพ์ผลลัพธ์
» กิจกรรม 12 : ให้นิสิตใช้ข้อมูลจากกิจกรรม 9 จากนั้นให้เพิ่มตัวเลขอะไรก็ได้ต่อท้ายตัวแปรลีสต์ จากนั้นพิมพ์ผลลัพธ์
» กิจกรรมที่ 13 : ให้นิสิตใช้ข้อมูลจากกิจกรรม 9 โดยเลือกเอาสมาชิกตำแหน่งที่ 3 ไปถึงตำแหน่งสุดท้ายออกมาแสดงเป็นผลลัพธ์
» กิจกรรมที่ 14 : ให้นิสิตใช้ข้อมูลจากกิจกรรม 9 มาใช้ในการพล็อตกราฟแท่งและแสดงผลลัพธ์
» กิจกรรมที่ 15 : ให้นิสิตกำจัดข้อมูลที่ซ้ำกันในรายการลีสต์ทิ้งไป โดยใช้ข้อมูลจากกิจกรรม 9 จากนั้นแสดงผลลัพธ์
» แบบฝึกหัดท้ายบท
การเขียนคำสั่ง
การเขียนคำสั่ง
1. การเขียนคำสั่งสามารถเขียนต่อไปเรื่อย ๆ ในบรรทัดเดียวกันได้และคั่นด้วยเครื่องหมาย semi colon (;)
2. การเขียนคำสั่งสามารถเขียนทีละบรรทัดได้ โดยจะปิดท้ายด้วย semi colon (;) หรือไม่ก็ได้
python statement; python statement
# หรือ
python statement
python statement
python statement
3) การเขียนคำสั่งย่อหน้าต้องตรงกัน
พิจารณาโค๊ดต่อไปนี้ และบอกข้อผิดพลาดว่าเกิดจากอะไร
a = 3
b= 2
c=a+b
print(a,b,c)
การเขียนคำสั่งด้วยการเว้นระยะย่อหน้าคำสั่ง
ดิน = "แห้ง"
if ดิน == "แห้ง":
print("รดน้ำต้นไม้")
else:
print("ไม่ต้องทำอะไร")
การเขียนหมายเหตุ
การเขียนหมายเหตุ (Comment) เป็นการเขียนข้อความลงในซอร์สโค๊ดของโปรแกรม นิยมเขียนเพื่ออธิบายความหมายภาย โดยที่หมายเหตุจะไม่ถูกนำไปประมวลผล
การเขียนหมายเหตุด้วยภาษาไพธอน ใช้เครื่องหมาย # (sharp) ไว้ด้านหน้าข้อความที่ต้องการ เช่น
# นี่คือหมายเหตุ เขียนไว้ในโปรแกรม
a = 34,000 # ตัวแปร a ใช้เก็บเงินเดือน
print(a) # แสดงค่าเงินเดือนในตัวแปร a ออกมา
ให้นิสิตเขียนผลลัพธ์ของโค๊ดต่อไปนี้
a = 3
b = 2
c = 3.14
d = 2.71
e = "Google"
f = "Youtube"
print("%d %d %f %f %s %s"%(a,b,c,d,e,f))
ให้นิสิตเขียนผลลัพธ์ของโค๊ดต่อไปนี้
a = 3
b = 2
c = 3.14
d = 2.71
e = "Google"
f = "Youtube"
#print("%d %d %f %f %s %s"%(a,b,c,d,e,f))
ตัวแปรลีสต์
อาร์เรย์ คือ การประกาศตัวแปรด้วยชื่อเดียวกันและเข้าถึงสมาชิกด้วยหมายเลขดัชนี (index)
การประกาศตัวแปรลีสต์ใช้เครื่องหมาย square brackets หรือ box brackets ([ ]) เปิดปิดมีรูปแบบคือ ชื่อตัวแปร = [ ข้อมูล, ข้อมูล, ข้อมูล ... ]
นักเรียนสูง = [ 162, 173, 180, 159, 167, 156, 164 ]
print(นักเรียนสูง)
จากตัวอย่างด้านบน ตอบคำถามต่อไปนี้
» ตัวแปรทั้งหมดมีอยู่กี่ตัว ? ก) 1 ตัว ข) 7 ตัว ค) 8 ตัว ง) ไม่มีตัวแปรเลย
» ตัวแปรถูกตั้งชื่อว่าอะไร ? ...................................
» ตัวแปรมีชนิดเป็นอะไร ? ก) จำนวนเต็ม (Integer) ข) ทศนิยม (Floating Point) ค) สตริง (String) ง) ลีสต์ (List) จ) ถูกทุกข้อ
» ตัวแปรมีสมาชิกทั้งหมดกี่ตัว ? ก) 6 ตัว ข) 7 ตัว ค) 8 ตัว ง) ไม่มีสมาชิกเลย
การเข้าถึงสมาชิกภายในตัวแปรลีสต์
นักเรียนสูง = [160, 159, 161, 177, 151, 174, 175, 175, 174, 161]
print(นักเรียนสูง)
จากตัวอย่างด้านบน ตอบคำถามต่อไปนี้
» ตัวแปรทั้งหมดมีอยู่กี่ตัว ? ...................................
» ตัวแปรถูกตั้งชื่อว่าอะไร ? ...................................
» ตัวแปรมีชนิดเป็นอะไร ? ก) จำนวนเต็ม (Integer) ข) ทศนิยม (Floating Point) ค) สตริง (String) ง) ลีสต์ (List) จ) ถูกทุกข้อ
» ตัวแปรมีสมาชิกทั้งหมดกี่ตัว ? ........................
» print(นักเรียนสูง[0]) ผลลัพธ์คือ ? ..........................
» print(นักเรียนสูง[1]) ผลลัพธ์คือ ? ..........................
» print(นักเรียนสูง[2]) ผลลัพธ์คือ ? ..........................
» print(นักเรียนสูง[3]) ผลลัพธ์คือ ? ..........................
» print(นักเรียนสูง[-1]) ผลลัพธ์คือ ? ..........................
» print(นักเรียนสูง[-2]) ผลลัพธ์คือ ? ..........................
» print(นักเรียนสูง[-3]) ผลลัพธ์คือ ? ..........................
การเข้าถึงสมาชิกภายในลีสต์แบบระบุช่วงที่ต้องการ
การเข้าถึงช่วงของตัวแปรลีสต์ ใช้เครื่องหมาย [ ตำแหน่งเริ่มต้น : ตำแหน่งสุดท้าย+1 ] เช่น
z = ["Google", "Gmail", "Youtube", "Classroom", "Map", "Doc"]
print(z[1:4]) # ผลลัพธ์ คือ ["Gmail", "Youtube", "Classroom"]
print(z[0:5]) ผลลัพธ์ คือ ........................
print(z[1:5]) ผลลัพธ์ คือ ........................
print(z[3:5]) ผลลัพธ์ คือ ........................
print(z[5:-1]) ผลลัพธ์ คือ ........................
print(z[5:-2]) ผลลัพธ์ คือ ........................
print(z[5:-3]) ผลลัพธ์ คือ ........................
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
นักเรียน_IS = [161, 149, 158, 149, 132, 165]
นักเรียน_CS = [161, 179, 140, 143, 180, 152, 154, 162, 153, 144, 179, 124]
นักเรียน_ICT = [162, 159, 157, 141, 164, 172, 148, 156]
นักเรียนรวม = [ นักเรียน_IS, นักเรียน_CS, นักเรียน_ICT ]
จากตัวอย่างด้านบน ตอบคำถามต่อไปนี้
ตัวแปรมีทั้งหมดกี่ตัว อะไรบ้าง ? ..............................
print(นักเรียน_IS[0]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียน_IS[2]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียน_IS[4]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียน_IS[-1]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียน_IS[-2]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียน_IS[-3]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[0]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[1]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[2]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[-1]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[-2]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[0][0]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[0][1]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[0][2]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[0][-1]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[0][-2]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[1][0]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[1][1]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[1][2]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[1][-1]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[1][-2]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[2][0]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[2][1]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[2][2]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[2][-1]) ผลลัพธ์คือ ..............................
print(นักเรียนรวม[2][-2]) ผลลัพธ์คือ ..............................
การเรียงลำดับจากน้อยไปมากด้วยคำสั่ง sort()
คำสั่ง sort() สำหรับเรียงลำดับตัวแปรลีสต์จากน้อยไปมาก
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
นักเรียน_IS = [161, 149, 158, 149, 132, 165]
print(นักเรียน_IS)
นักเรียน_CS = [161, 179, 140, 143, 180, 152, 154, 162, 153, 144, 179, 124]
print(นักเรียน_CS)
นักเรียน_ICT = [162, 159, 157, 141, 164, 172, 148, 156]
print(นักเรียน_ICT)
นักเรียน_IS.sort()
print(นักเรียน_IS)
# ผลลัพธ์ คือ ..............................
นักเรียน_CS.sort()
print(นักเรียน_CS)
# ผลลัพธ์ คือ ..............................
นักเรียน_ICT.sort()
print(นักเรียน_ICT)
# ผลลัพธ์ คือ ..............................
print(นักเรียน_ICT[0])
print(นักเรียน_ICT[1])
print(นักเรียน_ICT[2])
print(นักเรียน_ICT[-1])
print(นักเรียน_ICT[-2])
การกำจัดข้อมูลในตัวแปรลีสต์ที่ซ้ำกันทิ้งไป
คำสั่ง set() ใช้สำรับการกำจัดข้อมูลซ้ำซ้อนทิ้งไปให้เหลือเพียงค่าเดียว
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
m = [3, 3, 2, 1, 5, 2, 2, 1, 4, 2]
n = list(set(m))
print(n)
จากตัวอย่างด้านบน คำสั่ง set() จะลบข้อมูลที่ซ้ำซ้อนทิ้งไป ส่วนคำสั่ง list() ครอบด้านหน้าคำสั่ง set() หมายถึงการแปลงตัวแปรจาก set ให้เปลี่ยนเป็นตัวแปรลีสต์
การหาค่าสูงสุดและต่ำสุดในตัวแปรลีสต์
คำสั่ง max() และ min() เป็นการหาค่าสูงสุดและต่ำสุด
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
m = [3, 3, 2, 1, 5, 2, 2, 1, 4, 2]
print(max(m)) # ผลลัพธ์ คือ .............
print(min(m)) # ผลลัพธ์ คือ .............
จากตัวอย่างด้านบน คำสั่ง max() ใช้สำหรับหาค่าสูงสุดในตัวแปรลีสต์ ส่วนคำสั่ง min() จะใช้หาค่าต่ำสุดในตัวแปรลีสต์
การหาจำนวนสมาชิกภายในตัวแปรลีสต์
คำสั่ง len() ใช้สำหรับคำนวณหาจำนวนสมาชิกภายในตัวแปรลีสต์
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
m = [3, 3, 2, 1, 5, 2, 2, 1, 4, 2]
print(len(m)) # ผลลัพธ์ คือ .............
จากตัวอย่างด้านบน คำสั่ง len() ใช้สำหรับหาจำนวนสมาชิกภายในตัวแปรลีสต์ ซึ่งตัวแปร m มีสมาชิกทั้งหมด 10 ตัว
การนับจำนวนข้อมูลในตัวแปรลีสต์
คำสั่ง count() ใช้สำหรับนับจำนวนสมาชิกที่พบภายในตัวแปรลีสต์
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
m = [3, 3, 2, 1, 5, 2, 2, 1, 4, 2]
print(m.count(1)) # ผลลัพธ์ คือ .............
print(m.count(2)) # ผลลัพธ์ คือ .............
print(m.count(3)) # ผลลัพธ์ คือ .............
print(m.count(4)) # ผลลัพธ์ คือ .............
print(m.count(5)) # ผลลัพธ์ คือ .............
จากตัวอย่างด้านบน คำสั่ง count() ใช้สำหรับนับจำนวนข้อมูลที่อยู่ภายในตัวแปรลีสต์
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
m = ["Google", "Youtube", "Gmail", "Google", "gmail", "google"]
print(m.count("Google")) # ผลลัพธ์ คือ .............
print(m.count("Gmal")) # ผลลัพธ์ คือ .............
จากตัวอย่างด้านบน คำสั่ง count() ใช้สำหรับนับจำนวนข้อมูลที่อยู่ภายในตัวแปรลีสต์
การคำนวณผลรวมภายในตัวแปรลีสต์
คำสั่ง sum() ใช้สำหรับคำนวณผลรวมภายในตัวแปรลีสต์ ซึ่งข้อมูลที่อยู่ภายในลีสต์ต้องเป็นเลขจำนวนเต็มหรือทศนิยมเท่านั้น
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
m = [3, 3, 2, 1, 5, 2, 2, 1, 4, 2]
a = sum(m)
n = list(set(m))
print(n) # ผลลัพธ์ คือ ....................
b = sum(n)
print(a) # ผลลัพธ์ คือ ....................
print(b) # ผลลัพธ์ คือ ....................
จากตัวอย่างด้านบน คำสั่ง sum() ใช้สำหรับคำนวณผลรวมภายในตัวแปรลีสต์
การคำนวณค่าเฉลี่ยของตัวแปรลีสต์
การคำนวณค่าเฉลี่ย คือ การนำผลรวมของสมาชิกทั้งหมด หารด้วยจำนวนสมาชิก พิจารณาโค๊ดต่อไปนี้
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
m = [3, 3, 2, 1, 5, 2, 2, 1, 4, 2]
z = sum(m)
n = len(m)
mean = z/n
print(mean) # ผลลัพธ์ คือ ....................
จากตัวอย่างด้านบน การคำนวณค่าเฉลี่ยคือการนำผลรวมในตัวแปรลีสต์ และจำนวนสมาชิกในตัวแปรลีสต์มาหารกัน ดังนั้นค่าเฉลี่ยเท่ากับ sum(m)/len(m)
การรับค่าจากคีย์บอร์ด
คำสั่ง input() ใช้สำหรับรับค่าจากผู้ใช้ มีรูปแบบการใช้งานดังนี้
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
q = input("กรุณาป้อนเลขที่ท่านชอบ 2 ตัว จากนั้นกดแป้น Enter : ")
print("ค่าที่ท่านป้อนเข้ามาคือ %s"%(q)) # ผลลัพธ์ คือ ....................
จากตัวอย่างด้านบนคำสั่ง input() จะนำค่าที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาเก็บไว้ในตัวแปร q ซึ่งมีชนิดเป็นสตริง แม้จะป้อนค่าเป็นตัวเลขแต่ตัวเลขเหล่านั้นมีชนิดเป็นตัวอักษร ยังไม่สามารถนำไปคำนวณได้ ต้องแปลงสตริงให้เป็นตัวแปรชนิดตัวเลขก่อนจึงจะสามารถนำไปใช้งานได้
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
r = input("กรุณาป้อนรัศมี : ")
R = 2 * 3.1415 * r
print("เส้นรอบวงกลมที่มีรัศมี %f หน่วย มีความยาวเท่ากับ %f หน่วย"%( r, R ))
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
r = input("กรุณาป้อนรัศมี : ")
r = float(r)
R = 2 * 3.1415 * r
print("เส้นรอบวงกลมที่มีรัศมี %f หน่วย มีความยาวเท่ากับ %f หน่วย"%( r, R ))
จากตัวอย่างด้านบนทำการรับค่ารัศมีจากผู้ใช้ จากนั้นนำมาแปลงตัวเลขทศนิยมจึงสามารถนำไปคำนวณสูตรเส้นรอบวงได้ หากไม่ทำการแปลงเป็นทศนิยมจะไม่สามารถนำไปคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้ เนื่องจากค่าที่รับจากคีย์บอร์ดมีชนิดเป็นสตริง
การพล็อตกราฟค่าตัวเลขภายในตัวแปรลีสต์
ให้นิสิตติดตั้งโปรแกรม Anaconda โดยดาวน์โหลดได้ที่ Anaconda3-2018.12-Windows-x86_64.exe
โปรแกรม matplotlib ใช้สำหรับการพล็อตกราฟ
import matplotlib.pyplot as plt
data = [3, 3, 2, 1, 5, 2, 2, 1, 4, 2]
plt.bar(range(10), data)
plt.show()
คำอธิบาย :
- บรรทัด 1 : คำสั่ง import matplotlib เป็นการเรียกใช้งานไลบรารี่สำหรับการพล็อตกราฟ
- บรรทัด 2 : เป็นการประกาศตัวแปร data มีสมาชิกรวมทั้งหมด 10 ตัว
- บรรทัด 3 : เป็นการพล็อตกราฟแท่ง bar() โดยข้อมูลที่ป้อนให้คือช่วงตัวเลขของจำนวนข้อมูล (ข้อมูล 10 ตัว) และข้อมูลในตัวแปร data
- บรรทัด 4 : คือการพล็อตกราฟให้แสดงผลใน Ipython Notebook
การพล็อตฮีสโตรแกรม
Histogram เป็นการแสดงกราฟความถี่ สามารถเรียกใช้คำสั่ง hist() เพื่อพล็อตความถี่ภายในตัวแปรลีสต์ พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
import matplotlib.pyplot as plt
data = [3, 3, 2, 1, 5, 2, 2, 1, 4, 2]
plt.hist(data)
plt.show()
คำอธิบาย :
- บรรทัด 1 : คำสั่ง import matplotlib เป็นการเรียกใช้งานไลบรารี่สำหรับการพล็อตกราฟ
- บรรทัด 2 : เป็นการประกาศตัวแปร data มีสมาชิกรวมทั้งหมด 10 ตัว
- บรรทัด 3 : เป็นการพล็อตกราฟความถี่ hist() โดยข้อมูลป้อนคือ ชื่อตัวแปรที่เก็บข้อมูล ในตัวอย่างด้านบนคือตัวแปร data
- บรรทัด 4 : คือการพล็อตกราฟให้แสดงผลใน Ipython Notebook
การพล็อตข้อมูลจุด
การพล็อตข้อมูลจุดใช้ฟังก์ชั่น plot() โดยมีข้อมูล 2 อย่างที่ป้อนให้ฟังก์ชั่น ได้แก่ plot(ช่วงข้อมูล, ข้อมูล) พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
import matplotlib.pyplot as plt
data = [3, 3, 2, 1, 5, 2, 2, 1, 4, 2]
plot(range(len(data)), data, 'go')
plt.grid(True)
plt.show()
คำอธิบาย :
- บรรทัด 1 : คำสั่ง import matplotlib เป็นการเรียกใช้งานไลบรารี่สำหรับการพล็อตกราฟ
- บรรทัด 2 : เป็นการประกาศตัวแปร data มีสมาชิกรวมทั้งหมด 10 ตัว
- บรรทัด 3 : เป็นการพล็อตจุดข้อมูลที่อยู่ในตัวแปร data เมื่อ "go" หมายถึง พล็อดวงกลมสีเขียว (g=green), (o=circle) หากต้องการพล็อตเครื่องหมายบวกสีแดง กำหนดค่าเป็น "r+"
- บรรทัด 4 : คือการพล็อตกราฟให้แสดงผลใน Ipython Notebook
กิจกรรม 1 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณพื้นที่สี่เหลี่ยมโดยรับค่าความกว้างและความสูงจากผู้ใช้และแสดงผลลัพธ์พื้นที่สี่เหลี่ยม
กิจกรรม 2 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณพื้นที่สามเหลี่ยมโดยรับค่าความกว้างและความสูงจากผู้ใช้จากนั้นแสดงผลลัพธ์พื้นที่สามเหลี่ยม
กิจกรรม 3 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณพื้นที่วงกลมโดยรับค่ารัศมีจากผู้ใช้จากนั้นแสดงผลลัพธ์พื้นที่วงกลม
กิจกรรม 4 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณพื้นที่หลายเหลี่ยมด้านเท่าโดยรับค่าจำนวนด้านจากผู้ใช้และแสดงผลลัพธ์พื้นที่หลายเหลี่ยม
กิจกรรม 5 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณปริมาตรทรงกระบอกโดยรับค่ารัศมีและความสูงจากผู้ใช้ จากนั้นแสดงผลลัพธ์
กิจกรรมที่ 6 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณปริมาตรกรวยโดยรับค่าความสูงและรัศมี จากนั้นแสดงผลลัพธ์
กิจกรรมที่ 7 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณปริมาตรทรงรี โดยรับค่าความยาวแกน x y และ z จากนั้นแสดงผลลัพธ์ปริมาตรทรงรี
กิจกรรมที่ 8 : ให้นิสิตเขียนโปรแกรมคำนวณค่าเฉลี่ยโดยกำหนดค่าข้อมูลอย่างน้อยมีสมาชิกมากกว่า 5 ตัว จากนั้นแสดงผลลัพธ์ค่าเฉลี่ย
» นิสิตกำหนดข้อมูลขึ้นเองมีสมาชิกอย่างน้อย 5 ตัว
กิจกรรมที่ 9 : ให้นิสิตกำหนดค่าตัวแปรลีสต์โดยมีสมาชิกอย่างน้อย 20 ตัว จากนั้นเขียนโปรแกรมเพื่อเรียงข้อมูลจากน้อยไปหามากและแสดงผลลัพธ์
» ให้นิสิตกำหนดข้อมูล 20 ตัว จากแสดงผลลัพธ์การเรียงลำดับจากน้อยไปมากและมากไปน้อย
กิจกรรมที่ 10 : ให้นิสิตใช้ข้อมูลจากกิจกรรม 9 จากนั้นเขียนโปรแกรมเพื่อเรียงลำดับจากมากไปน้อยและแสดงผลลัพธ์
» การใช้ฟังก์ชั่น reverse() สำหรับเรียงลำดับจากด้านหลังมาด้านหน้า
กิจกรรมที่ 11 : ให้นิสิตใช้ข้อมูลจากกิจกรรม 9 โดยให้ลบสมาชิกตำแหน่งที่ 0 และตำแหน่งสุดท้ายทิ้งไป จากนั้นพิมพ์ผลลัพธ์
» ให้นิสิตลบสมาชิกตำแหน่งที่ 0 และตำแหน่งสุดท้ายทิ้งไป จากนั้นแสดงผลลัพธ์
กิจกรรม 12 : ให้นิสิตใช้ข้อมูลจากกิจกรรม 9 จากนั้นให้เพิ่มสมาชิกเป็นตัวเลขต่อท้ายตัวแปรลีสต์ จากนั้นพิมพ์ผลลัพธ์
» ให้เพิ่มสมาชิกต่อท้ายลีสต์และแสดงผลลัพธ์
กิจกรรมที่ 13 : ให้นิสิตใช้ข้อมูลจากกิจกรรม 9 โดยเลือกเอาสมาชิกตำแหน่งที่ 3 ไปถึงตำแหน่งสุดท้ายออกมาแสดงเป็นผลลัพธ์
» ให้แสดงผลลัพธ์จากลำดับที่ 3 ถึงลำดับสุดท้ายของสมาชิกในตัวแปรลีสต์
กิจกรรมที่ 14 : ให้นิสิตใช้ข้อมูลจากกิจกรรม 9 มาใช้ในการพล็อตกราฟแท่งและแสดงผลลัพธ์
» ให้พล็อตกราฟแท่งของข้อมูลที่สร้างขึ้น
กิจกรรมที่ 15 : ให้นิสิตกำจัดข้อมูลที่ซ้ำกันในรายการลีสต์ทิ้งไป โดยใช้ข้อมูลจากกิจกรรม 9 จากนั้นแสดงผลลัพธ์
» ให้กำจัดข้อมูลที่ซ้ำซ้อนในตัวแปรลีสต์ จากนั้นแสดงผลลัพธ์
กิจกรรมที่ 16 : ให้นิสิตประกาศตัวแปรลีสต์ จากนั้นรับค่าจากแป้นพิมพ์ และพิมพ์ผลลัพธ์ว่าพบคำที่ป้อนเข้ามากี่คำ
» ให้นิสิตประกาศตัวแปรลีสต์ จากนั้นรับค่าจากแป้นพิมพ์ และพิมพ์ผลลัพธ์ว่าพบคำที่ป้อนเข้ามากี่คำ
รายชื่อการเข้าเรียนและส่งงาน
» ไม่พบกิจกรรมการเรียนในสัปดาห์นี้ กรุณาตรวจสอบเวลา : วันนี้ คือ วันที่ 21-05-2024